18 ต.ค. 2549

บทเทศนา

อัศจรรย์ไม่มีหยุด(ลูกา 5:1-11)
มื่อพูดถึงการอัศจรรย์เรา มักจะคิดถึงเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเรา เรามักจะคิดถึงโมเสส
คิดถึงเอลียา คิดถึงเอลีชา คิดถึงเปโตร น้อยมากที่เราจะคิดถึงตัวเอง แต่จริงแล้วการอศัจรรย์เกิดขึ้นได้กับผู้เชื่อทุกคน ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน พระเจ้าไม่มีเปลี่ยน
1. มั่นคง
เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และยอห์น 4 คน จับปลาทั้งคืนแต่ไม่ได้ปลาเลย
เปโตรพูดชัดเจนว่า “จับปลาคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย” นั่นแสดงว่าทั้ง 4 คนผิดหวังอย่างมาก
แม้ว่าทั้ง4 คน จะมีอาชีพจับปลาอย่างช่ำชองก็ตาม.................
แต่ในความผิดหวังของทั้ง 4 คน ไม่ได้ทำให้พวกเขาเลิกลา
เพราะในความเป็นจริงนั้นชาวประมงที่แท้จริงจะไม่ยอมเลิกลาง่าย ๆ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระเยซูคริสต์มีสาวกอย่างน้อย 7 คนที่เป็นชาวประมง
จริงอยู่เปโตรกับเพื่อนร่วมงานได้ประสบกับค่ำคืนแห่งความผิดหวังจากความล้มเหลว
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหยุดที่จะจับปลา ขณะที่องค์พระเยซูคริสต์พบเขา
พวกเขากำลังชุนอวนอยู่ หมายความว่าพวกเขากำลังจะเริ่มต้นใหม่...............
จากจุดนี้เราจะเห็นว่าเปโตรและเพื่อน ๆ ของเขาไม่สามารถควบคุมปลาในทะเลได้
แต่เขาทั้งหลายสามารถควบคุมความเชื่อและความมั่นใจในพระเจ้าได้
ผมอยากจะขอย้ำว่า “ไม่มีความพ่ายแพ้ตลอดกาลสำหรับผู้ที่ติดตามพระเจ้า และการอัศจรรย์
ไม่เคยหายไปจากคนที่ติดตามพระองค์”............................................
2. ทำตาม
จากพระวจนะของพระเจ้าในข้อที่ 4 …………………………………………………………
อาจจะเป็นการยากที่ชาวประมงจะต้องยอมทำตามช่างไม้
อาจจะเป็นการยากที่ชาวประมงที่เคยจับปลากลางคืน ** แต่กลับถูกช่างไม้สอน แนะนำให้มาจับปลา
ในตอนกลางวัน **และเป็นการยากที่ปกติชาวประมงจะจับปลาน้ำตื้น กลับให้คนช่างไม้ไปจับ
ปลาน้ำลึก ๆ.......................
แต่เราขอบคุณพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่เปโตรยังลังเล อาจจะสับสนบ้างเกี่ยวกับความรู้ที่ตนเองมีกับ
คำชี้แนะขององค์พระเยซูคริสต์ แต่เปโตรก็เรียกพระเยซูว่า “พระอาจารย์” (ข้อ 5) และโดยการยอม
ทำตาม ยอมฟังพระเยซูของเปโตรนี้เอง เขากำลังจะเห็นการอัศจรรย์ การเชื่อฟังและกระทำตามเป็น
กุญแจที่นำไปสู่การค้นพบการอัศจรรย์จากพระเจ้า การเชื่อฟังและกระทำเป็นเคล็ดลับที่จะนำเรา
ไปพบกับพระพรของพระเจ้า ตัวอย่าง : 1) เมื่ออับราฮัมถวายอิสอัคแด่พระเจ้าตามคำบัญชา
2) เมื่อตอนที่อิสราเอลข้ามทะเลแดง
3) รักษาคนเจ็บป่วย คนตายให้ฟื้นขึ้น
4) เมื่อตอนเลี้ยงอาหารคนห้าพันคน หรือสี่พันคน
3. รับการอัศจรรย์ด้วยใจสำนึก
จากพระวจนะในข้อที่ 5 เปโตรพูดว่า “จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระเยซู”และ
ในข้อที่ 6 เปโตรก็หย่อนอวนลง ตรงที่พระเยซูแนะนำทุกอย่าง เกิดอะไรขึ้น?………………..
1. ปลาติดอวนมากมาย อวนเกือบแตก
2. ต้องเรียกให้เรือลำอื่นมาช่วย
3. จากสิ่งที่ “ไม่ได้เลย กลับมีมากมาย”
เปโตรตื่นตะลึงที่ได้เห็นการอัศจรรย์เกิดขึ้นภายหลังที่พระเยซูตรัส..........
เปโตรแทนที่ตะโกนไปยังทุกคนที่อยู่ริมฝั่งด้วยเสียงดังว่า “ดูซิ! ผมประสบความสำเร็จแล้ว!”
ตรงกันข้าม เปโตรกราบลงที่ตักหรือเข่าของพระเยซูคริสต์
ด้วยสำนึกว่า ตัวเองไร้ความหมายเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเยซู
เปโตรรู้ว่าพระเยซูทรงรักษาผู้คนมามากมาย แต่วันนี้เปโตรอัศจรรย์ใจตรงที่ว่าพระเยซูทรงสนใจ
ในทุกเรื่อง ในทุกเรื่องของเขาที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน
และไม่เพียงการอัศจรรย์เกิดขึ้นในแง่ของวัตถุเท่านั้น แต่สิ่งอัศจรรย์ที่สำคัญก็คือ การ
อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเปโตรเอง เปโตรกลายเป็นผู้ที่พบการอัศจรรย์และกระทำการอัศจรรย์
ในพระนามของพระเยซูคริสต์มากมาย
พี่น้องทั้งหลาย การอัศจรรย์จากพระเจ้าไม่หยุดกับผู้ที่ติดตามพระองค์เท่านั้น แต่จะอยู่กับทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ ถ้าท่านอยากเห็นการอัศจรรย์นี้ก็เชื่อมันในองค์พระเยซูคริสต์ ยอมที่จะดำเนินชีวิตตามนำพระทัยของพระเจ้าแลวท่านจะได้สัมผัสการอัศจรรย์นี้
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร
รศบ.ศาลาธรรมร่มเกล้า






11 ต.ค. 2549

ศาลาธรรมร่มเกล้า

ศาลาธรรมร่มเกล้า

9 ต.ค. 2549

บทเรียนผู้เชื่อ

บทที่ 1 เรื่อง หลักข้อเชื่อ
เป้าหมาย
เพื่อช่วยให้ผู้เชื่อได้เห็นความสำคัญของหลักข้อเชื่อที่ถูกต้องซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิตของการเป็นคริสเตียน
หลักสำคัญ 1ทธ.4:16 “จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงยึดข้อที่กล่าวนี้ไว้ให้มั่น เพราะเมื่อกระทำดังนั้น ท่านจะช่วย ทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้”
หลักข้อเชื่อคืออะไร
หลักข้อเชื่อ คือ “คำอธิบายถึงสิ่งที่เราเชื่อ” หรือคำสอนที่มีจุดยืนที่แน่นอนและเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเติบโตขึ้นในการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างเข้มแข็ง หากไม่มีหลักข้อเชื่อที่ถูกต้องแล้วก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะพัฒนาชีวิตคริสเตียนและรับใช้อย่างเกิดผลได้ (โรม 15:4)
จากคำสอนของอ.เปาโลมี 2 สิ่งที่ทำให้เราได้รับความหวังคือ ( อ่านโรม 15:4 )
1.
2.
เพราะเหตุใดลูกาจึงจึงคิดว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ (อ่าน ลูกา1:3-4)
เราจะพบความจริงที่เป็นรากฐานของหลักข้อเชื่อได้จากที่ใด?
พระเจ้าเปิดเผยความจริงแก่เราผ่านการศึกษาพระวจนะของพระองค์พระคัมภีร์จึงเป็นรากฐานที่ใช้เพียงหนึ่งเดียวของหลักข้อเชื่องที่ถูกต้อง (ซึ่งเราถึงชีวิตของพระเยซูคริสต์ด้วย) พระคัมภีร์จึงปราศจากข้อผิดพลาดและคงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุด ในการกำหนดทิศทางของหลังข้อเชื่อของคริสเตียน
พระวจนะของพระเจ้าเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนเพื่อรับใช้อย่างไรบ้าง? (อ่าน2ทิโมธี3:16-17)

การเปิดเผยความจริงเป็นกระบวนการที่เหนือธรรมชาติ พระเจ้าได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยนำเราไปสู่ความจริงและให้เราดำเดินชีวิตได้อย่างถูกต้อง เป้าหมายของพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยความจริงก็เพื่อให้เรานั้นมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า ดั้งนั้นประสบการณ์ส่วนตัวในชีวิตคริสเตียน และการเข้าใจหลักการของพระเจ้าจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตั้งอยู่บนความเชื่อที่ถูกต้อง ( เอเสเคียล 11:24 )

ในยอห์น 16:13 -15 พระเยซูทรงตรัสว่าพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์คืออะไร?

เหตุใดจึงจำเป็นต้องมีหลักข้อเชื่อที่มีความถูกต้อง?
หลักข้อเชื่อที่ถูกต้องจะช่วยชี้แจงและยืนยันความเชื่อของคริสเตียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น พระเจ้าคือใคร? อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราตายจากโลกนี้? ทำไมพระเยซูต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน? ถ้าคำชี้แจงเหล่านี้มีรากฐานอยู่บนหลักความเชื่อที่ถูกต้องแล้ว ก็จะช่วยให้คริสเตียนได้รับโอกาสในการเติบโตฝ่ายวิญญาณ และนำเข้าไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าในทางที่ถูกต้องด้วย
พระคัมภีร์สอนว่าหลักข้อเชื่อนั้นมีที่มาที่แตกต่างกันไป และไม่ใช่หลักข้อเชื่อทุกอย่างจะมีรากฐานอยู่บนความจริงแห่งพระวจนะทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากหลักข้อเชื่อที่กำเนิดมาจากความจริงแล้ว ยังมีหลักข้อเชื่อที่เกิดมาจากความคิดมนุษย์ด้วย และมีบางส่วนมาจากมารด้วย ดั้งนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องจากการศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อจะช่วยปกป้องข้อผิดพลาดจากการหลอกลวง ที่มาจากมนุษย์ และมารได้
ทำไมบางคนจึงอยากสร้างหลักข้อเชื่อของตัวเองขึ้นมา?( 2 ทิโมธี 4:3 )

เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณโดยไม่มีหลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง? ( มัทธิว 15:9 )

ทำไมมารจึงพยายามล่อลวงมนุษย์ด้วยหลักข้อเชื่อที่ผิดๆ? ( 1 ทิโมธี 4:1-3 )

ความสำคัญของหลักข้อเชื่อในชีวิตคริสเตียน
ใน 1ทิโมธี 4:16 ได้บอกให้เรานั้น “ยึด...มั่น”ในคำสอนที่ถูกต้อง ซึ่งมีรากศัพท์ของภาษากรีกในคำว่า επιμενε (เอพิเมโน) ซึ่งแปลว่า “ยึดให้มั่น” และยังมีความหมายอีกว่า “เข้าสนิทอยู่ใน...” หรือ “ดำรงอยู่ใน....” ดังนั้นความหมายของพระคัมภีร์คือต้องการให้เรานั้นยึดมั่นในรากฐานของหลักข้อเชื่อที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง
หลักข้อเชื่อที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเติบโตในพระคริสต์ได้อย่างไร? (เอเฟซัส 4:14 – 15 )

ถ้าหลักข้อเชื่อของเราถูกต้องแล้วเราจะมีความมั่นใจในพระวจนะแห่งความจริงของพระเจ้ามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า และทำให้เรามีความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งมากขึ้นด้วย
กระบวนการในการเสริมสร้างหลักข้อเชื่อมี 3 ขั้นตอนคือ
1) ความรู้ คือการมีความจริง เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์เราก็จะมีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้ามากขึ้น ยิ่งเรารู้เกี่ยวกับพระเจ้ามากเท่าไรเราก็จะยิ่งเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ และหนทางในการรับใช้พระองค์มากขึ้นเท่านั้น
ทัศนคติของเอสราที่มีต่อพระวจนะของพระเจ้าเป็นอย่างไร? ( เอสรา 7:10 )

2) ความเข้าใจ คือการแปลความหมายของความจริง การรู้เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าอย่างเดียวนั้นไม่พอ เราจำเป็นต้องขอให้พระวิญญาณช่วยทำให้เราเข้าใจพระวจนะนั้นอย่างถูกต้องด้วย
จากคำกล่าวของโยบ ใครคือที่มาของความเข้าใจ? ( โยบ 32:8 )

3) สติปัญญา คือการนำความจริงมาประยุกต์ใช้เมื่อเรารู้จักและเข้าใจพระวจนะอย่างถูกต้องแล้วก็นำพระวจนะนั้นมาพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ โดยการนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพราะความเชื่อไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราเชื่อเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการนำสิ่งที่เชื่อนั้นมาปฏิบัติในชีวิตส่วนตัวด้วย
ยากอบบอกถึงผู้มีปัญญาว่าควรจะมีการแสดงออกอย่างไร? ( ยากอบ 3:13 )

คำถามเพื่ออภิปราย และนำไปใช้
ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าชีวิตคริสเตียนของท่านกำลังถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของหลักข้อเชื่อที่ถูกต้องตามหลักการของพระ วจนะของพระเจ้า?

เพราะเหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น ขอให้อธิบาย?