8 มี.ค. 2551

อะไรสำคัญที่สุด



อะไรสำคัญที่สุด

(โดย ริก วอร์เรน)จาก Ministry Tool Box 31/08/2005ฉบับที่ 222 What Matters Most

แปลโดย อรุณี วงษ์กรวรเวช สมาชิกคริสตจักรสาธร

เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก บทเรียนที่สำคัญที่สุดที่พระองค์ต้องการให้คุณได้เรียนรู้บนโลกนี้ก็คือ จะรู้จักรักผู้อื่นอย่างไร เพราะว่าความรักนี้เอง ทำให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากที่สุด ดังนั้น ความรักจึงเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของพระบัญญัติทุกข้อที่พระองค์ประทานให้เรา “กฎเกณฑ์ทั้งหมดของพระองค์สามารถสรุปออกมาได้สั้นๆคือ ‘จงรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง’
สำหรับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณแล้ว ประโยคดังกล่าวยิ่งทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นไปอีก. ระดับความรักที่ผู้คนในโบสถ์ของคุณมีให้ต่อกันและกันนั้นเป็นตัววัดสุขภาพของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของสมาชิกได้เป็นอย่างดีที่สุด. อาจารย์เปาโลถึงกับย้ำว่า “ไม่ว่าข้าพเจ้าจะกล่าวอะไร จะเชื่ออะไร หรือทำอะไร แต่ถ้าทำโดยปราศจากซึ่งความรักแล้ว ถือว่าข้าพเจ้าล้มเหลว” พระเยซูกล่าวว่า ความรักมีไว้เพื่อให้รักซึ่งกันและกัน ไม่ใช่มีไว้ให้เอามาอวดอ้างกันว่า ใครเก่งทฤษฎีมากกว่ากัน
“นี้แหละคือการเป็นพยานที่ดีที่สุดสำหรับโลกนี้” พระองค์กล่าวว่า “ความรักมากมายที่เรามีให้ต่อกันและกันนั้น จะพิสูจน์ให้โลกนี้เห็นว่า ท่านเป็นสาวกของเรา”
ความรักไม่ใช่เป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่างที่คุณแค่นำมาย้ำเตือนกันลืมในบทเทศนาของคุณ หรือใช้เป็นครั้งเป็นคราวเหมือนเรื่องของการถวาย หรือเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ. แต่คุณต้องสอนคนของคุณอย่างต่อเนื่องว่า ความรักถือเป็นเรื่องสำคัญอยู่ในลำดับแรกๆทีเดียว ไบเบิ้ลกล่าวว่า “ให้ความรักเป็นเป้าหมายสูงสุดของท่าน” ดังนั้นมาช่วยคริสตจักรของคุณให้มุ่งมั่นในเรื่องการสร้าง-รักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและกัน โดยสอนถึงหลักความจริง3ข้อ คือ
1. ชีวิตที่ปราศจากความรัก คือชีวิตที่ไร้คุณค่าอย่างแท้จริงบ่อยครั้ง เราทำเหมือนว่า การสร้าง-รักษาความสัมพันธ์นั้น เป็นอะไรที่จะต้องพยายามเจียดให้ลงตัวในตารางเวลาที่แสนจะวุ่นวายของเรา. แต่เรากำลังพูดถึงการหาเวลาเพื่อลูกๆของเรา หรือจัดเวลาเพื่อคนที่เกี่ยวข้องกับเรา ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เราเห็นว่าการสร้าง-รักษาความสัมพันธ์นั้น ก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเหมือนกับงานอีกหลายๆอย่าง แต่พระเจ้าบอกว่า “การสร้าง-รักษาความสัมพันธ์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นทั้งชีวิตของเราเลย”พระเยซูได้สรุปว่า สิ่งสำคัญที่สุดในสายพระเนตรของพระเจ้า สรุปได้เพียง2 ประโยคคือ:

รักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้าน พระองค์ตรัสว่า ”ท่านต้องรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน” นี่คือมหาบัญญัติข้อแรกและเป็นข้อที่สำคัญที่สุด มหาบัญญัติข้อที่สองที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อแรกคือ: จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง บัญญัติข้ออื่นๆและคำสั่งของผู้เผยพระวจนะทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของบัญญัติ2ข้อนี้ทั้งนั้น
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักพระเจ้า (โดยการนมัสการ) แล้ว การเรียนรู้ที่จะรักผู้อื่น ก็จะกลายมาเป็นเป้าหมายที่สองในชีวิตของเรา
อาการ ”ยังไม่ว่าง” เป็นอันตรายตัวสำคัญต่อการสร้าง-รักษาความสัมพันธ์ คนเราโดยมากมักจะใช้เวลาให้หมดไปกับแค่เรื่องการดำเนินชีวิตให้อยู่รอด-การทำงาน-การจ่ายบิลค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆเท่านั้น อย่าปล่อยให้การบรรลุเป้าหมายมาเป็นเป้าหมายของชีวิตซะเอง เพราะว่ามันไม่ใช่ สิ่งสำคัญของชีวิตคือการเรียนรู้ที่จะรักต่างหาก นั้นก็คือความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้าน ชีวิตที่ขาดความรักมีค่าเท่ากับศูนย์
2. ความรักจะคงอยู่ตลอดไป เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่พระเจ้าบอกเราให้จัดลำดับเรื่องความรักให้อยู่ในความสำคัญสูงสุด เพราะเป็นเรื่องของนิรันดร์: มี 3 สิ่งที่คงอยู่ตลอดไป: ความเชื่อ, ความหวัง และความรัก และความรักใหญ่สุด”
เมื่อชีวิตบนโลกกำลังจะจบลง คนเราไม่ได้ต้องการรายล้อมด้วยวัตถุนิยมต่างๆอีกต่อไป, สิ่งที่เราต้องการคือผู้คน – ผู้คนที่เรารัก ผู้คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา และในวาระสุดท้ายของชีวิต พวกเราจะตระหนักว่า แท้จริงแล้ว มิตรภาพ-ความสัมพันธ์ นั้นแหละคือทุกอย่างในชีวิตของเรา ผู้ที่ชาญฉลาดคือผู้ที่ได้เรียนรู้ และมีโอกาสได้รื่นรมย์ความจริงข้อนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป ผมเคยอยู่ข้างเตียงของคนที่ใกล้ตายหลายคน เมื่อพวกเขายืนอยู่ตรงขอบของความตายกับชีวิตนิรันดร์ ผมไม่เคยไม่ยินใครพูดว่า ”หยิบใบปริญญาของผมมาให้ดูหน่อย ผมอยากจะได้ดูอีกสักครั้ง” หรือ”เอาโล่ห์รางวัล หรือเหรียญทอง หรือนาฬิกาเรือนทอง ของผมออกมาให้ผมได้ดูอีกสักครั้ง”
เมื่อชีวิตบนโลกกำลังจะจบลง คนเราไม่ได้ต้องการรายล้อมด้วยวัตถุนิยมต่างๆอีกต่อไป, สิ่งที่เราต้องการคือผู้คน – ผู้คนที่เรารัก ผู้คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา และในวาระสุดท้ายของชีวิต พวกเราจะตระหนักว่า แท้จริงแล้ว มิตรภาพ-ความสัมพันธ์ นั้นแหละคือทุกอย่างในชีวิตของเรา ผู้ที่ชาญฉลาดคือผู้ที่ได้เรียนรู้ และมีโอกาสได้รื่นรมย์ความจริงข้อนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป 3. พวกเราจะถูกประเมินผลจากความรักของเราสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าใช้วัดความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณของเราคือ ระดับคุณภาพของความสัมพันธ์ ในสวรรค์พระองค์คงไม่พูดว่า “บอกเราถึงอาชีพของเจ้า, เงินในบัญชีของเจ้า หรืองานอดิเรกของเจ้า” ตรงกันข้ามพระองค์ คงจะทบทวนว่าเราได้ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร โดยเฉพาะต่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

พระเยซูตรัสว่า”การที่จะรักใครก็คือการรักครอบครัวของเขาและใส่ใจต่อความต้องการพื้นฐานของเขา” “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าท่านกระทำเช่นนี้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุด ก็เหมือนกับได้กระทำต่อเราด้วย”
มนุษย์เราต้องเข้าใจให้ดีว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปสู่ชีวิตนิรันดร์แล้ว เราทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีไว้เบื้องหลัง สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราติดตัวไปด้วยคือลักษณะนิสัยของเรา ดังนั้นในไบเบิ้ลถึงได้กล่าวว่า ”สิ่งเดียวที่มีความหมาย คือความเชื่อ ซึ่งได้ถูกพิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว จากความรักที่เราได้แสดงออกต่อผู้อื่น”
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ผมขอหนุนใจให้พี่น้องของเราอธิษฐานทุกเช้าด้วยคำอธิษฐานง่ายๆ ดังนี้ ”ข้าแต่พระเจ้า ไม่ว่าข้าพระองค์จะทำสิ่งใดในวันนี้ ขอให้ข้าพระองค์แน่ใจว่า ได้ทำด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ และต่อผู้อื่น – เพราะนี้คือความหมายทั้งหมดของการมีชีวิต ข้าพระองค์ไม่ต้องการให้วันนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่า โดยดำเนินชีวิตที่ปราศจากซึ่งความรัก”ทำไมพระองค์จะต้องให้เวลาคุณอีกวันล่ะ ถ้าคุณจะทำให้วันนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่า