27 มิ.ย. 2550

ท่านสามารถทำได้

บทเรียนตอนที่ 1
ท่านสามารถยืนในสิ่งที่ถูกและรับผิดชอบ

อับราฮาม ลินคอล์น ได้กล่าวว่า “ผู้ที่ทำบาปโดยการเงียบแทนที่จะคัดค้าน นับว่าคนนั้นเป็นคน ขี้ขลาด” เพราะอับราฮาม เชื่อในคติพจน์นี้ทำให้ท่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนในยุคนั้น แต่ความมั่นใจในสิ่งที่ถูกต้องไม่ควรคำนึงถึงว่าสาธารณะชนจะคิดอย่างไร ลินคอล์นได้ชื่อว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะท่านเป็นคนกล้าพูดความในใจ เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในเวลานั้น
ถ้าเป็นความจริงเกี่ยวกับลินคอล์น ก็น่าจะเป็นความจริงก่อนหน้าท่าน และผู้ที่มาหลังท่าน สำหรับผู้ที่รักความจริงทุกคน หลักการนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับคนของพระเจ้า
คนของพระเจ้าต้องยืนในสิ่งที่ถูก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกของ คริสตจักรตระหนักดีถึงความรับผิดชอบในการกล้าพูดเพื่อความจริง ในพระคัมภีร์เดิม ผู้พยากรณ์และ ผู้สอนพระคำของพระเจ้ามีความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน โปรดพิจารณาดูตัวอย่างดังต่อไปนี้
1. จาก 1 ซามูเอล 17:10-51 เป็นเรื่องของดาวิดกับยักษ์ฆาระยัธ ได้เข้ามาท้าทายกองทัพของยิศราเอล โดยตะโกนท้าทายว่า “ฆาละยัธยืนขึ้นแผดเสียงอันดัง ท้าทายกองทัพยิศราเอลว่า เจ้าทั้งหลายออกมาจัดเตรียมรี้พลการสงครามทำไมเล่า เราเป็นชาวฟะลิศตีมมิใช่หรือ และเจ้าทั้งหลายก็เป็นไพร่พลแห่ง ซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกผู้หนึ่งให้ลงมาสู้เราแทนพวกเจ้า” (ข้อ 8)
ก. ตามข้อ 11 คำท้าทายของฆาละยัธ มีผลกระทบต่อกษัตริย์ซาอูลและชนชาติยิศราเอล
อย่างไร?……………………………………………………………………………………
ข. จากข้อ 32 โปรดบอกความรู้สึกของดาวิดที่มีต่อฆาละยัธ? ………………………………
ง. จากข้อ 32 โปรดบอกความรู้สึกของดาวิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับฆาละยัธ?
……………………………………………………………………………………………
จ. ตามข้อ 47 จงบอกว่าทำไมดาวิดมีความมั่นใจในการกำชัยชนะได้? ……………………
…………………………………………………………………………………………
ฉ. ดาวิดใช้ก้อนหินกี่ก้อนในการล้มยักษ์ฆาละยัธ? ……………………………………….
ช. การที่ดาวิดประสบชัยชนะฆาละยัธ หมายความว่ายิศราเอลชนะฟะลิศติม ท่านคิดไหมว่าคนคนเดียวยืนขึ้นต่อต้านความชั่ว สามารถช่วยคนอื่นอีกมาก ให้รอดพ้นจากความวิบัติ? โปรดอธิบาย …………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. หนังสือเอศเธระเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระนางเอศเธระกับเชื้อสายยิว ซึ่งอาจจะถูกทำลายล้างผลาญทั้งชาติรวมทั้งเอศเธระด้วย ถ้าเอศเธระไม่ยืนขึ้นรับผิดชอบ จะต้องทำอะไรสักอย่าง มาระดะคายซึ่งเป็นลุงของเอศเธระไม่สามารถก้มหัวให้แก่ฮามานซึ่งเป็นเสนาบดีดูแลเจ้าเมืองทั้งหลายของกษัตริย์อะหัศวะโรศ ฮามานเดือดดาลต้องการแก้แค้น ฮามานวางแผนคิดที่จะขจัดมาระดะคาย รวมทั้งล้างผลาญพวกยิวทั้งชาติ ในแผ่นดินให้พินาศ
ก. จาก เอศเธระ 3:8 ฮามานได้กล่าวอย่างไรต่อกษัตริย์เกี่ยวกับพวกยิว? …………………
……………………………………………………………………………………………
ข. ตาม 3:13 แผนกำจัดพวกยิวของฮามาน ครอบคลุมมากแค่ไหน? ………………………
………………………………………………………………………………………
ค. 4:11 การที่เอศเธระปรากฏตัวต่อพระพักตร์กษัตริย์โดยไม่ได้มีพระราชองค์การ มีอันตรายอย่างไร? …………………………………………………………………………
ง. ตอนที่เอศเธระไม่กล้าที่จะไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ มาระดะคายได้กล่าวแก่เอศเธระอย่างไร ทำให้พระนางเปลี่ยนใจ (บทที่ 4:13) ………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
จ. ในที่สุดเอศเธระตัดสินใจที่จะเข้าเฝ้ากษัตริย์ พระนางได้กล่าวว่า “ดังนั้นเราจะเข้าไปเฝ้ากษัตริย์นั้น แม้เป็นการผิดกฎหมาย แม้ถึงเราจะต้อง…………………………..” (4:16)
ฉ. ในโครงการที่เอศเธระจะช่วยชีวิตของพลไพร่ของพระนาง เอศเธระได้จัดงานเลี้ยงอาหารและเชิญฮามานเป็นพิเศษ งานเลี้ยงครั้งที่เท่าไรที่เอศเธระได้เปิดเผยความชั่วของฮามาน? โปรดสรุปใจความที่พระนางได้กล่าวแก่กษัตริย์? (7:3-4) …………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ช. จาก 7:9 และ 9:13-14 โปรดบอกว่าเขาได้กระทำอย่างไรกับฮามานและลูกชายของเขา?
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ซ. คำถามที่ใช้ความคิด: เป็นไปได้ไหมที่เราจะสูญสิ้นอิสระภาพถ้าเราไม่ยอมพูดหรือคัดค้าน? หลักการนี้สามารถใช้ได้กับเสรีภาพของศาสนาและการเมืองได้ไหม?
……………………………………………………………………………………………
3. หลังจากอ่านอาฤธโม 13 โปรดตอบคำถามดังต่อไปนี้
ก. พวกผู้สอดแนมได้ถูกส่งไปให้ทำอะไร? …………………………………………………
ข. สิบคนได้กลับมารายงานอย่างไร? ……………………………………………………………………
ค. จาก อาฤธโม 14:1-4 จากรายงานลบที่ผู้สอดแนมสิบคนได้นำมาบอก มีผลต่อชนชาติยิศราเอลอย่างไร? ………………………………………………………………………………………………
ง. เมื่อคาเล็บได้ยืนขึ้นรับผิดชอบ ท่านได้กล่าวว่าอย่างไร? (13:30) ………………………
……………………………………………………………………………………………
จ. จาก อาฤธโม 14:8 ยะโฮซูอะกับคาเล็บได้กล่าวแก่พลไพร่ให้ยืนขึ้นในสิ่งที่ถูกต้อง ท่านได้กล่าวว่าอย่างไร? ………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
ฉ. ถึงแม้ว่าท่านมีคนน้อยกว่า ท่านยังจะยืนขึ้นในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนยะโฮซูอะกับคาเล็บ หรือเปล่า? ……………………………………………………..
ช. ความรู้สึกของผู้สอดแนมสิบคนได้ถูกขนานนามว่า “ขี้ขลาดเหมือนตั๊กแตน” (grasshopper complex) อ่าน อาฤธโม 28:33 โปรดอธิบายความรู้สึกของคนขี้ขลาดเหล่านี้?
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ซ. คำถามที่ใช้ความคิด: ท่านคิดว่าคนที่ “ขี้ขลาดเหมือนตั๊กแตน” (grasshopper complex) จะไปสวรรค์ได้ไหม? คนสอดแนมสิบคนสามารถเข้าไปในแผ่นดินคะนาอันหรือเปล่า?
(อาฤธโม 14:20-35) ………………………………………………………………………
4. ใน 1 กษัตริย์ 18 เป็นเรื่องเอลียา เผชิญกับกษัตริย์อาฮาบ กษัตริย์เลวของยิศราเอล และเป็นสวามีของนางอิซาเบล
ก. ตอนที่เอลียาได้กล่าวหาอาฮาบว่าเป็นผู้สร้างปัญหาให้กับยิศราเอล เอลียาได้กล่าวอย่างไร? (1 กษัตริย์ 18:18) …………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
ข. ในการยืนขึ้นเพื่อพระเจ้า เอลียาได้ท้าอาฮาบและผู้ติดตามเขาให้มีการพิสูจน์รูปเคารพที่พวกเขาเชื่อ ใครประสบชัยชนะ? ………………………………………………….
ค. ศัตรูของเอลียายอมรับความพ่ายแพ้ของตนหรือเปล่า? ตาม 18:39 ………………………
ง. ในสมัยของเอลียาท่านคิดว่าการยืนขึ้นในสิ่งที่ถูกอันตรายไหม? …………………………
จ. เอาลียาสามารถเผชิญต่ออันตรายโดยไม่กลัวอย่างไร? …………..………………………
…………………………………………………………………………………………………………

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่เช่นกันมีตัวอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ไม่กลัวใคร กล้าพูดคัดค้านต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนเหล่านี้ยืนขึ้นในสิ่งที่ถูกและรับผิดชอบ โปรดพิจารณาตัวอย่างดังต่อไปนี้
1. อัครสาวกเปโตรและอัครสาวกอื่นๆ ในวันเพ็นเตคอส
ก. มีสิ่งอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นในข้อ 4 …………………………………………………………
ข. คนที่ได้ยินได้วิพากวิจารณ์อย่างไร? ข้อ 13 ………………………………………………
ค. กิจการ 2:14 กล่าวว่า เปโตรได้ยืนขึ้นกับ………………………………………….……
ง. เพราะเปโตรได้ยืนขึ้นเพื่อพระเยซู พิสูจน์ว่าคำวิพากวิจารณ์ของพวกเขาผิด ท่านได้ชี้ให้พวกยิวในวันเพ็นเตคอสว่าพวกเขาได้ตรึงพระเยซู ข้อ 37 บอกเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่คนเหล่านั้นได้ฟังเปโตรอย่างไร? ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
จ. เปโตรได้ตอบเป็นถ้อยคำอย่างไร? ข้อ 38 ………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
ฉ. คำถามที่ใช้ความคิด: ท่านคิดว่าเปโตรกับอัครสาวกอื่นจะต้องรับผิดชอบต่อจิตต์วิญญาณของคนทีมาประชุมในวันนั้นหรือเปล่า ถ้าอัครสาวกไม่ได้ประกาศความจริงให้เขาทั้งหลายทราบ? …………………………………………………………………………………
ท่านคิดว่าคริสเตียนในยุคนี้ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป โดยไม่สนใจที่จะบอกความจริงให้เขาทราบหรือเปล่า? …………………………………………….
2. เมื่ออัครสาวกเปาโลกลับใจเป็นสาวกของพระเยซู ในหนังสือกิจการ 9 มีคนเป็นจำนวนมากไม่ยอมรับเปาโล เพราะว่าเมื่อก่อนเปาโลเคยต่อต้านคริสตจักร บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ได้อย่างไร เปาโลต้องการมีบางคนยืนขึ้นเพื่อชี้แจงให้พี่น้องทราบเกี่ยวกับการกลับใจของเปาโล ที่สุดบาระนาบาได้ยืนขึ้นเป็นปากเสียงให้เปาโล
ก. กิจการ 9:26 กล่าวว่า “ท่านใคร่จะสมาคมสนิทกับเหล่าสาวกแต่เขาทั้งหลาย……… เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็น……..…..”
ข. ในการยืนขึ้นเพื่อเปาโล บาระนาบาได้ทำอะไร? (9:27) …………………………………
……………………………………………………………………………………………
3. ในกิจการ 13 เปาโลได้ยืนขึ้นคัดค้านการกระทำของนักเล่นกลชื่อบาระเยซู
ก. บาระเยซูพยายามคัดค้านเปาโลเพื่อจะไม่ให้ใครเชื่อ? …………………….. (กิจการ 13:8)
ข. อ่านข้อ 10 เปาโลได้กล่าวแก่บาระเยซูว่าอย่างไร? ……………………………………
………………………………………………………………………………………………………
4. เปาโลได้ยืนขึ้นกล่าวคัดค้านการกระทำที่ไม่ถูกของเปโตรในโอกาสครั้งหนึ่ง (ฆะลาเตีย2:11-18)
ก. ข้อ 12 เปโตรมีความผิดอะไร? ……………………………………………………………
ข. เปาโลกล่าวว่า เปโตร “ไม่ได้ประพฤติ…………………… ของ ………………” (ฆะลาเตีย 2:14)
ค. ข้อ 18 เปาโลกล่าวว่า “เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าก่อสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ทำลายลงแล้วขึ้นอีก ข้าพเจ้าก็ส่อตัวเองว่าเป็น…………….”
5. จาก 3 โยฮัน เราเรียนรู้ว่าโยฮันยืนขึ้นคัดค้านต่อดิโอเตรเฟ
ก. ข้อ 9 ดิโอเตรเฟมีความผิดอะไร? ………………………………………………………
ข. ข้อ 10 ท่านคิดว่าโยฮันเกรงใจดิโอเตรเฟไหม? …………………………………………
ค. คำถามใช้ความคิด: บางครั้งมีคนที่มีทิฐิรุนแรง บางคนหัวรุนแรงในคริสตจักรทุกวันนี้ เพราะเขามีเงิน มีอิทธิพล คนมองข้ามความประพฤติของเขา คริสเตียนที่ดีควรปล่อยให้ คริสตจักรต้องประสบกับปัญหานี้ได้อย่างไร? ……………………………………………
……………………………………………………………………………………………
6. โยฮันบัพติศโตได้ยืนขึ้นประณามการกระทำของเฮโรด (มัดธาย 14:1-10)
ก. โยฮันบัพติศโตได้พูดอะไรทำให้น้องสะใภ้ของเฮโรดไม่พอใจ? …………………………
ข. เกิดอะไรขึ้นกับโยฮันบัพติศโต เพราะเนื่องจากการที่ท่านได้ยืนขึ้นต่อการกระทำชั่วของ เฮโรด? …………………………………………………………
อุทาหรณ์: Neal Ellis นักศึกษาจาก DLU. ได้เขียนจดหมายคัดค้านภาษาหยาบคายที่พิมพ์ลงในนิตยสาร “Morning News” หลังจากนั้น 2 วัน Mr.Ted Smith แสดงความขอบคุณต่อ Neal Ellis.


คำถามเพื่อพิจารณา
1. ท่านเคยบอกให้คนอื่นรู้ว่าท่านไม่พอใจการพูดหยาบคาย, ลามก หรือคำพูดสองแง่ หรือเปล่า?
2. ท่านเคยพูดคัดค้านการกระทำบางอย่างซึ่งมีผลทำให้ท่านสูญเสียความนับถือหรือเปล่า?
3. ท่านเคยใช้อิทธิพลและชื่อเสียงของท่านในการปกป้องศีลธรรมและหลักการอันถูกต้องที่ท่านยึดอยู่หรือไม่?
4. ท่านเป็นคนเอนเอียงไปตามกระแสของสังคม ทำให้ท่านไม่กล้ายืนขึ้นในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่?
5. ท่านเป็นคนที่ปฏิบัติตามสิ่งที่พระเจ้าสนใจ มากกว่าความสุขใจของคนหรือไม่?
6. คริสเตียนสามารถยืนขึ้นต่อต้านการใช้ภาษาวิบัติ หรือ โปรแกรมที่ส่อไปในทางไร้ศีลธรรมทาง TV, วิทยุ ได้หรือไม่? ท่านทำได้ไหม?

27 ม.ค. 2550

บทเทศนา.

จากรอบโต๊ะสู่ธรรมมาส์น
“ใจที่หนักแน่น”
“จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใย ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบ ๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้กับศัตรูนั้นด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ เพราะ ว่าพวกพี่น้องทั้งหลายของท่านทั่วโลก ก็ประสบความทุกข์ลำบากอย่างเดียวกัน และเมื่อท่านทั้งหลายได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ทรงพระคุณล้ำเลิศ ผู้ได้ทรงเรียกให้ท่านทั้งหลายเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในพระคริสต์ พระองค์เองก็จะทรงโปรดปรับปรุงท่านให้มั่นคง และมีกำลังขึ้น”
1 เปโตร5:710

มีคนกล่าวว่า ชีวิตคริสเตียนเปรียบเหมือนการวิ่งแข่งขันมาราธอน ซึ่งหนทางนั้นยาวไกล นักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันกีฬาประเภทนี้ต้องฝึกฝน เตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจให้พร้อมที่สุด ผู้ที่มีร่างกายพร้อมที่สุดก็จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้
ในเส้นทางแห่งความเชื่อก็เช่นกัน บางช่วง บางจังหวะเวลาเราก็พบกับปัญหาและอุปสรรค เช่น ความท้อใจในการงาน เรื่องครอบครัว ปัญหาสุขภาพ เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้ามันวิ่งเข้ามาในชีวิต เป็นเหมือนคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ซัดเข้ามาในชีวิตบางทีทำให้ความเชื่อของเราสั่นคลอน ทำให้จิตใจสับสน หงุดหงิด ใจที่เคยหนักแน่นก็อาจแกว่งไปแกว่งมาได้เหมือนกัน
แต่ในฐานะคริสเตียนพระคัมภีร์ได้ให้มุมมองใหม่กับเราทุกคนว่า
แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้เรามีชัย(ชนะ)เหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย (โรม 8:37)
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ผู้ทรงพระชนม์อยู่และทรงรักเรามากที่สุด จะทรงหนุนกำลังเรา และจะช่วยกู้เรา ทรงประทานสติปัญญา และทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอทุกเวลา จะทรงช่วยเราให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ พระองค์จะทรงเสริมกำลังเรา พระคัมภีร์ในวันนี้หนุนใจเราว่า
1. เราต้องมอบความกังวลไว้กับพระเจ้า อย่าวิตกและอย่ากลัว เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่านและครอบครัวของท่านเสมอ
2. มีใจสงบ ผู้ที่มีใจที่สงบคือผู้ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าเสมอทุกเวลา เมื่อใจสงบ พระองค์จะประทานสติปัญญา ความสุขุมในการแก้ปัญหา
3. ใช้ความเชื่อ พึ่งพระเจ้าทุกเวลา ขอพระเจ้าเสริมกำลัง เพิ่มเติมความเชื่อให้กับชีวิตของเรา มีวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง คือ ขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อท่านเสมอ
พี่น้องที่รัก จากเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัวเรา และสถานการณ์ต่าง ๆ รอบโลก ในทุกวันนี้ มีสิ่งที่กระทบชีวิตและความเชื่อของเราไม่มากก็น้อย ทั้งราคาน้ำมันที่ผัน-ผวน ราคาสินค้าอุปโภค - บริโภค ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ขอหนุนใจพี่น้องทุกคนว่า สิ่งนี้ไม่ได้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่ประสบความทุกข์ยาก แต่ในเวลานี้ คนทั่วโลกก็ต่างก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเรา แต่ขอให้เรามีใจที่หนักแน่น ขอพระเจ้าประทานใจที่สงบ พึ่งพระเจ้า วางใจในพระเจ้า หนุนใจซึ่งกันและกันและอธิษฐานเผื่อกันเสมอ อาเมน



คำถามแห่งพระพร
1. ท่านคิดว่า เวลานี้อะไรที่กระทบจิตใจและความเชื่อของท่านมากที่สุด
2. พระคัมภีร์ ในวันนี้พระเจ้าทรงหนุนใจท่านมากน้อยเพียงใด
3. บ่อยครั้งไหมที่ท่านมักจะมองปัญหามากกว่ามองที่พระเจ้า ใช่หรือไม่ และท่านจะหาทางออกอย่างไร

เหตุฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐาน ทูลขอและขอบพระคุณเพื่อคนทั้งปวง เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและคนทั้งปวงที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างเงียบๆ และสงบสุข ในทางธรรมและอย่างนอบน้อม การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ดี และเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงมีพระประสงค์ให้คนทั้งปวงรอด และให้รู้ความจริง ด้วยเหตุว่ามีพระเจ้าองค์เดียวและมีคนกลางแต่ผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพเป็นมนุษย์ ผู้ทรงประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับคนทั้งปวง เหตุการณ์นี้เป็นพยานในเวลาอันเหมาะ 1 ทิโมธี 2:1-6
ณ วันนี้ถ้าเราดูข่าวจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และจาก E-mail เราจะพบข้อความต่าง ๆ มากมาย เช่น
“เมื่อไหร่เมืองไทยจะสงบสุขเสียที”
“ทำไมเมืองไทยมีแต่ปัญหา”
“ขอให้คนไทยปรองดองกัน รักกัน”
ประเทศชาติของเรากำลังประสบภัยวิกฤต ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง ปัญหาความไม่สงบสุข ความแตกแยก การทะเลาะกันระหว่างผู้นำ ในฐานะคริสเตียน เราต้องได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ข่าวดีพระคัมภีร์ ได้หนุนใจและให้เรารวมพลังอธิษฐานเผื่อประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และคนที่มีตำแหน่งสูงในประเทศชาติของเรา
บทเรียน / ข้อคิด
1. อธิษฐาน วิงวอน ขอบพระคุณเผื่อผู้มีอำนาจ(พระมหากษัตริย์/ นายกรัฐมนตรี/ ผู้นำฝ่ายค้าน/ สว/ สส) Jหนุนใจ จัดเวลา 1 วันใน สัปดาห์ อดอาหารอธิษฐานเผื่อประเทศชาติ
{ บทเรียนจากพระธรรมเนหะมีย์ 1:1-4 เนหะมีย์ทราบถึงความเดือดร้อน ความทุกข์ใจ ของประเทศชาติ คือ อิสราเอลและพี่น้องมีความลำบาก เขาได้ใช้เวลาอธิษฐานอดอาหาร อธิษฐานเผื่อประเทศชาติอย่างจริงจัง และในที่สุดท่านได้เข้าไปมีส่วนกู้ชาติ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ฟื้นฟูทั้งบ้านเมือง และผู้คน พวกเราต้องมีใจเหมือนเนหะมีย์ และอธิษฐานขอพระเจ้าประทานนักอธิษฐานวิงวอน เช่นเนหะมีย์
“แต่จงส่งเสริมสวัสดิภาพของเมือง ซึ่งเราได้กวาดเจ้าให้ไปเป็นเชลยอยู่นั้น และจงอธิษฐานต่อพระเจ้าเผื่อเมืองนั้น เพราะว่าเจ้าทั้งหลายจะพบสวัสดิภาพของเจ้าในสวัสดิภาพของเมืองนั้น” เยเรมีย์ 29:7
2. ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย/ พอเพียง
{ ติดสนิทกับพระเจ้าทุกวัน มีวินัยในชีวิตฝ่ายวิญญาณ ยอห์น 15:5
{ พึ่งพระเจ้าในทุกกรณี รวมถึงการวางใจในพระเจ้า สุภาษิต 3:5
{ อย่าเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น แต่เป็นหนี้แห่งความรัก โรม13:8
{ อย่าโลภ อย่าลงทุน/ อย่าเสี่ยงในสิ่งที่ไม่ควรเสี่ยง อพยพ 20:17
{ ใช้ชีวิตเรียบง่าย พอเพียง ไม่ยึดติดกับวัตถุ(เสพ) วัตถุ 1 ยอห์น 2:15
พี่น้องที่รัก ในยามที่ประเทศชาติสงบสุข เราทุกคนสามารถดำเนินชีวิต ทำงาน ทำธุรกิจ นมัสการ รับใช้ ประกาศ ท่องเที่ยว แต่ในยามที่ประเทศชาติ มีวิกฤต เราทุกคนต้องมีใจรักประเทศชาติ อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า เผื่อประเทศ ชาติของเราอย่างจริงจัง เพื่อความสงบสุข การพลิกฟื้น และการเยียวยา สำหรับประเทศไทยของเรา และให้เราหว่านความรักในหัวใจของเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงานและในหัวใจของคนไทยทุก ๆ คน อาเมน




คำถามแห่งพระพร
1. ท่านจะมีส่วนช่วยเหลือประเทศชาติในยามวิกฤตอย่างไรบ้าง(อธิษฐานเผื่อ/ แบ่งปันความรัก/ รวมตัวไปเยี่ยมเด็กกำพร้า แม่ม่าย)
2. ท่านจะตั้งใจอดอาหารอธิษฐานเผื่อประเทศชาติและผู้นำ หรือไม่ อย่างไร
3. ท่านคิดว่าศิษยาภิบาลผู้รับใช้ และผู้นำต้องการคำอธิษฐานหรือไม่

พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย อย่าประพฤติตามอย่างคน ในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะ เปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม โรม 12:1-2

วันนี้ก่อนออกจากบ้าน ผมเชื่อว่าทุกคนได้มีการตรวจเช็คความเรียบร้อยของตนเองทั้งใบหน้า ทรงผม เครื่องแต่งกาย(บางคนก็ใช้เวลาไม่มาก บางคนก็พิถีพิถันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบรรดาสุภาพสตรี) บางคนมีเครื่องประดับประดาเพื่อให้ตนเองดูดีที่สุด เพื่อจะมานมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ร่วมกับพี่น้องที่น่ารักทุก ๆ ทุกคนในคริสตจักร ทุกคนต้องการให้ตนเองดูดีที่สุดในสายตาของคนที่รักและเพื่อน ๆ แต่บางคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจและให้ความสำคัญสักเท่าใด แต่จิตใจสำคัญที่สุด เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
การมานมัสการเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดี เพราะเป็นจุดสุดยอดที่ชีวิตของเราจะถวายและมอบให้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในการนมัสการบางคนให้ความสำคัญว่า ต้องมีทีมนมัสการที่ดี บางคนให้ความสำคัญกับการเทศนา บางคนให้ความสำคัญกับทุก ๆ รายการ แต่หัวใจที่สำคัญของการนมัสการ คือการยอมจำนน (จากหนังสือ “ชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์”) การยอมจำนนเป็นคำพูดซึ่งไม่เป็นที่นิยม เช่นเดียวกับคำว่า “ยอมเชื่อฟัง” เพราะนั่นเป็นการแสดงถึงการพ่ายแพ้และทุกคนไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ แต่ต้องการเป็นผู้ชนะยิ่งในทุกวันนี้ ทุกคนต้องการเป็นที่ 1 หรืออย่างน้อย ติด 1 ใน 10 หรือที่เรียกว่า TOP TEN (ท็อปเท็น)
การนมัสการแท้ หรือการทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย เกิดขึ้นเมื่อคุณถวายตัวแด่พระเจ้า การถวายตัวคุณแด่พระเจ้า จึงเป็นการนมัสการที่แท้จริง การกระทำที่แสดงออกถึงการยอมจำนนมีชื่อเรียกอีกหลายแบบได้แก่ การชำระตนเอง การยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นจอมเจ้านายในชีวิตของคุณ การรับกางเขนของคุณแบก การตายต่อตัวเอง การยอมจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณเรียกมันว่าอะไร แต่อยู่ที่คุณจะลงมือปฏิบัติหรือไม่ พระเจ้าต้องการชีวิตของคุณทั้งหมดในชีวิตของคุณ แม้แต่ 90% ก็ยังไม่เพียงพอ
อุปสรรคอย่างน้อย 3 ประการ ที่ขัดขวางไม่ให้เรายอมจำนนทั้งหมดแด่พระเจ้าได้แก่ ความกลัว ความเย่อหยิ่ง และความสับสน แท้ที่จริงบางคนไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงไร เราต้องการควบคุมชีวิตของเราเองนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจความหมายของการยอมจำนนผิดไป เราทุกคนต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า ยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนชีวิต จิตใจทัศนคติเมื่อเรานมัสการพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเคลื่อนไหว และเจิมชีวิตของเรา ชี้ให้เราเห็นความผิดบาป ความอ่อนแอที่เราเผชิญอยู่ เพื่อขอพระเจ้าเมตตาและสร้างเราขึ้นมาใหม่ และเมื่อเราฟังพระวจนะ พระวจนะจะช่วยเป็นกระจกที่ส่องดูชีวิตของเราอย่างแท้จริง ชีวิตคริสเตียนต้องให้ความสำคัญกับการฟังพระวจนะของพระเจ้า การอ่านและการใคร่ครวญ ไม่ใช่แค่อ่านผ่าน ๆ ไปหรืออ่านเพื่อจะได้ความรู้ แต่เราต้องย่อยและคิดตาม พระคำของพระเจ้าจะหยั่งรากลึกลงในจิตใจและเป็นพลังงานที่สะสมให้เราสามารถดำเนินชีวิตที่สง่างามและมีชีวิตที่สะอาดหมดจด เป็นที่พอพระทัยและถวายเกียรติแด่พระเจ้า เราทุกคนจะพบว่าแท้ที่จริงเราต้องการซึ่งกันและกัน และเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทุกวัน และชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงคนรอบข้าง เปลี่ยนสังคมและเปลี่ยนแปลงผู้คนในโลกนี้ หากเราทุกคนยอมจำนนต่อพระเจ้า เพื่อชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง อาเมน




คำถามแห่งพระพร
1. ครั้งสุดท้ายที่ชีวิตของเรายอมจำนนต่อพระเจ้า คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง (มีสันติสุข / ชื่นชมยินดี / รู้สึกดีต่อคนเองและต่อผู้อื่น)

2. คุณได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการอ่านพระวจนะและการฟังคำเทศนาในแต่ละสัปดาห์อย่างไรบ้าง

3. คุณจะมีส่วนเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างและสังคมได้อย่างไร


“เขาเหล่านั้นชนะพญามารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
และเพราะคำพยานของพวกเขาเอง
เพราะเขาไม่ได้เสียดายที่จะพลีชีพของตน”
วิวรณ์ 12:11
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

- อธิษฐาน - การสื่อสารกับพระเจ้า
“ในวันนั้นท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา
แม้จนบัดนี้ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา
จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม”
ยอห์น.16::23 - 24



อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
เหตุผลที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คริสตจักรเติบโตมีคนใหม่มาร่วมนมัสการทุกวันอาทิตย์ คือ คำพยานส่วนตัว เป็นคำพยานชีวิตที่เขามีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์ เป็นคำพยานที่กล่าวถึงการที่คุณต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพระเจ้าของคุณ ซึ่งคำพยานถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์อันทรงพลังที่สุดอันหนึ่งที่คุณจะใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐได้
คำพยานส่วนตัวเป็นเรื่องราวที่เล่าว่าพระเจ้าทรงปลดปล่อยคุณออกจากอาณาจักรแห่งความมืด และย้ายคุณมาสู่อาณาจักรของพระเยซูคริสต์ พระบุตรที่รักของพระองค์ได้อย่างไร คำพยานชีวิตต้องเป็นเรื่องจริง มีประสบการณ์จริงว่าท่านได้ชีวิตนิรันดร์อย่างไร และสันติสุขของพระเจ้าประทับภายในคุณได้อย่างไร สำหรับคนมากมายคำพยานของคุณจะมีองค์ประกอบที่เกี่ยวกับการเยียวยารักษาและการปลดปล่อย การอัศจรรย์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ของการทรงจัดเตรียมและการเข้าแทรกแซงของพระเจ้าอย่างเหนือธรรมชาติ เมื่อคุณเป็นพยานถึงพระคุณแห่งการช่วยให้รอด การจัดเตรียมและการรักษาของพระเจ้าจากหัวใจของคุณ มันจะมีผลกระทบมหาศาลต่อผู้ฟัง เพราะมันเป็นเรื่องจริงเป็นประสบการณ์จากชีวิตโดยตรง
คำพยานต้องนำเสนอ 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 - ชีวิตของฉันก่อนที่ฉันจะรับชีวิตนิรันดร์
ในการเข้าถึงคนที่คุณกำลังเป็นพยานด้วยนั้น เป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะต้องเล่าถึงอดีตของคุณก่อนที่คุณจะได้รับความรอด อย่าย้ำประเด็นหรือให้รายละเอียดที่ไม่จำเป็น คุณต้องอธิษฐานก่อนที่จะเป็นพยาน และทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะช่วยคุณแยกแยะด้านต่าง ๆ ของความต้องการของบุคคลนี้ จงไวต่อเสียงพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยอมให้พระองค์นำพาคุณ วิธีที่ช่วยคุณคือเขียนคำพยานออกมา ขั้นตอนนี้อย่าใช้เวลามาก
ข้นตอนที่ 2 - ประสบการณ์การบังเกิดใหม่ของฉัน
ขั้นตอนนี้จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางคนมีประสบการณ์ที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ เป็นประสบการณ์พิเศษ แต่บางคนก็เป็นเรื่องเรียบง่าย สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องย้ำว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นและคุณแน่ใจว่าคุณได้รับการเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของประสบการณ์การบังเกิดใหม่ก็คือ เกิดการสำนึกบาปและตระหนักว่าเราต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพระผู้ช่วยให้รอดและต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของท่าน เพื่อความมั่นใจในความรอด
ขั้นตอนที่ 3 - ความรอดของฉันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันอย่างไร
องค์ประกอบต่อไปนี้ต้องปรากฏในการเป็นพยานของคุณ เพราะมันเป็นองค์ประกอบที่สะท้อนถึงวิญญาณที่บังเกิดใหม่
Ø ฉันพบพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน
Ø ฉันเรียนรู้ถึงค่างวดที่พระเยซูทรงชำระเพื่อความรอดของฉัน
Ø ฉันพบพระองค์ผู้ที่ฉันสามารถวางใจได้
Ø ฉันพบพระคุณของพระเจ้า (ความโปรดปรานของพระเจ้าที่ไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำดีของมนุษย์)
Ø ฉันไม่ต้องการทำสิ่งที่ฉันเคยทำในอดีตอีกต่อไป เช่น เที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า ดูภาพยนตร์ที่ไม่ดี พูดจาหยาบคาย ฯลฯ (ให้ระวังประเด็นนี้ เพราะนี่เป็นพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์จากชีวิตภายใน มันไม่ใช่กฎบัญญัติของคริสตจักรที่ใช้เพื่อกำหนดบาปผู้ใด)
พี่น้องที่รัก ขอหนุนใจให้นำวิธีการง่าย ๆ 3 ขั้นตอนนี้ไปปฏิบัติตาม เพราะสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์โดยตรงของท่าน เมื่อพี่น้องได้ฝึกบ่อย ๆ จนมีควมชำนาญท่านจะพบว่าเป็นเรื่องง่าย แต่เป็นอุปกรณ์อันทรงพลังที่คุณจะใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นเหตุให้มีคนใหม่ ๆ มาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ อาเมน
คำถามชวนคิด
1. ครั้งสุดท้ายที่คุณเป็นพยานชีวิตกับใคร และผลตอบสนองเป็นอย่างไร
2. เมื่อคุณได้เป็นพยานกับผู้อื่น คุณมีความรู้สึกอย่างไร
ขอให้คุณหนุนใจพี่น้องท่านอื่นให้กล้าเป็นพยานหรือเริ่มต้นชวนเพื่อนไปกับคุณก่อน